รีวิวที่วัดดิจิทัลที่ดีที่สุด: เครื่องมือวัดที่คุณขาดไม่ได้สำหรับงานแม่นยำ

หากคุณเคยทำงานช่าง งานวิศวกรรม หรือแม้กระทั่งงาน DIY ที่ต้องการความแม่นยำในการวัดขนาด คุณคงรู้ดีว่าเครื่องมือวัดที่มีความแม่นยำสูงคือสิ่งสำคัญ ที่วัดดิจิทัล (Digital Caliper) เป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยให้คุณวัดขนาดของวัตถุได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว โดยไม่ต้องกังวลกับการอ่านค่าจากหน้าปัดแบบเก่า ๆ ที่อาจทำให้เกิดความผิดพลาด

ที่วัดดิจิทัลไม่เพียงแต่สะดวกและใช้งานง่ายเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของคุณอีกด้วย ทำให้การวัดขนาดที่ต้องการมีความแม่นยำและรวดเร็วขึ้น นี่คือเหตุผลที่หลายคนเริ่มเลือกใช้ที่วัดดิจิทัลแทนที่วัดแบบอนาล็อกในปัจจุบัน

ข้อดีของการใช้ที่วัดดิจิทัล

การใช้ที่วัดดิจิทัลมีข้อดีหลายประการที่ทำให้ได้รับความนิยมในกลุ่มช่างมืออาชีพและผู้ที่ทำงาน DIY ซึ่งต้องการความแม่นยำสูง ไม่ว่าคุณจะใช้สำหรับงานช่าง งานไม้ งานโลหะ หรือการวัดขนาดต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ที่วัดดิจิทัลสามารถช่วยให้การทำงานของคุณง่ายขึ้นและแม่นยำมากขึ้น

ความแม่นยำที่สูงกว่า ที่วัดดิจิทัลให้ค่าการวัดที่แม่นยำกว่าที่วัดแบบอนาล็อก เพราะสามารถแสดงผลเป็นตัวเลขที่แน่นอน ลดความผิดพลาดที่อาจเกิดจากการตีความมาตราส่วนด้วยสายตา คุณสามารถมั่นใจได้ว่าค่าที่อ่านได้นั้นตรงตามความเป็นจริง

การอ่านค่าที่ง่ายและชัดเจน หน้าจอ LCD ที่มาพร้อมกับที่วัดดิจิทัลทำให้สามารถอ่านค่าได้สะดวก ไม่ต้องเพ่งดูเส้นมาตราส่วนหรือคาดเดาตัวเลขเหมือนที่วัดแบบเดิมๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความรวดเร็วในการอ่านค่าการวัด

การปรับหน่วยการวัดได้หลากหลาย หลายรุ่นรองรับการเปลี่ยนหน่วยวัดระหว่าง มิลลิเมตร (mm), เซนติเมตร (cm) และนิ้ว (inches) ทำให้สะดวกต่อการใช้งานในโปรเจกต์ที่ต้องการหน่วยวัดที่แตกต่างกัน เพียงกดปุ่มเดียวก็สามารถสลับหน่วยได้อย่างง่ายดาย

ความสะดวกในการใช้งาน ใช้งานง่าย เพียงเปิดเครื่อง นำที่วัดไปจับกับชิ้นงาน แล้วอ่านค่าบนหน้าจอ โดยไม่ต้องเสียเวลาเล็งหรือปรับแต่งมากมาย ทำให้เหมาะกับทั้งมืออาชีพและมือใหม่ที่ต้องการความแม่นยำโดยไม่ต้องใช้ทักษะมาก

ความทนทานและอายุการใช้งานยาวนาน ที่วัดดิจิทัลส่วนใหญ่ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง เช่น สเตนเลส หรือพลาสติกแข็งแรง ทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน บางรุ่นยังมีคุณสมบัติกันน้ำและกันฝุ่นเพื่อให้สามารถใช้งานได้ในทุกสภาพแวดล้อม

การเลือกใช้ที่วัดดิจิทัลที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของคุณอย่างมาก ไม่ว่าคุณจะใช้ในงานช่างหรืองานทั่วไปในชีวิตประจำวัน การมีเครื่องมือที่แม่นยำและใช้งานสะดวกจะช่วยให้ทุกอย่างเป็นไปได้อย่างราบรื่น

หากต้องการวัดมุมอย่างละเอียดมากขึ้น ควรใช้ที่วัดดิจิทัลคู่กับ เครื่องวัดมุม เพื่อความแม่นยำสูงสุด

วิธีการเลือกที่วัดดิจิทัลที่ดีที่สุด

การเลือกที่วัดดิจิทัลที่ดีที่สุดต้องคำนึงถึงหลายปัจจัยเพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องมือที่คุณเลือกสามารถตอบสนองความต้องการของงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นงานช่าง งานไม้ งานโลหะ หรืองาน DIY ที่ต้องการความแม่นยำสูง การมีที่วัดดิจิทัลที่เหมาะสมสามารถช่วยให้การวัดรวดเร็ว แม่นยำ และสะดวกขึ้น ต่อไปนี้คือปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกซื้อที่วัดดิจิทัล

1. ความแม่นยำและการอ่านค่า หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดของที่วัดดิจิทัลคือ ความแม่นยำของการวัด หากเครื่องมือให้ค่าที่คลาดเคลื่อน อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพของงานได้ ดังนั้น ควรเลือกที่วัดดิจิทัลที่มีความแม่นยำ อย่างน้อย ±0.01 มม. (หรือ ±0.0005 นิ้ว) เพื่อให้มั่นใจว่าได้ค่าการวัดที่ถูกต้องและแม่นยำที่สุด นอกจากนี้ ควรเลือกที่มีหน้าจอ LCD ขนาดใหญ่เพื่อให้อ่านค่าตัวเลขได้ง่ายขึ้น ลดความเสี่ยงจากการตีความผิดพลาด

2. ความทนทานและวัสดุที่ใช้ วัสดุที่ใช้ในการผลิตที่วัดดิจิทัลมีผลต่อความทนทานและอายุการใช้งาน ที่วัดคุณภาพดีมักทำจาก สแตนเลสหรืออลูมิเนียม ซึ่งมีความแข็งแรง ทนต่อการกัดกร่อน และไม่เป็นสนิมง่าย หากต้องการเครื่องมือที่ใช้ในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นหรือน้ำ ควรเลือกที่มีคุณสมบัติ กันน้ำและกันฝุ่น (IP54 หรือสูงกว่า) เพื่อป้องกันความเสียหายจากสภาพแวดล้อม

3. ฟังก์ชันเสริมที่ช่วยเพิ่มความสะดวก ปัจจุบันที่วัดดิจิทัลมาพร้อมกับฟังก์ชันเสริมมากมายที่ช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น เช่น

• การปรับหน่วยการวัดได้หลายแบบ เช่น มิลลิเมตร (mm), เซนติเมตร (cm), นิ้ว (inches) ซึ่งช่วยให้สามารถใช้งานได้ในโปรเจกต์ที่ต้องการหน่วยวัดที่แตกต่างกัน
• ระบบบันทึกค่าการวัด ช่วยให้จดจำค่าที่วัดก่อนหน้าได้ ทำให้สะดวกสำหรับงานที่ต้องวัดซ้ำหลายครั้ง
• ฟังก์ชันการเปิด/ปิดอัตโนมัติ ซึ่งช่วยประหยัดแบตเตอรี่และยืดอายุการใช้งานของเครื่อง

4. ขนาดและการออกแบบ ขนาดของที่วัดดิจิทัลควรเหมาะสมกับประเภทของงานที่ทำ หากต้องวัดชิ้นงานขนาดเล็ก ควรเลือกที่วัดที่มีขนาดกะทัดรัดเพื่อให้สามารถวัดได้อย่างแม่นยำ ในทางกลับกัน หากต้องใช้วัดวัตถุขนาดใหญ่ อาจต้องเลือกที่วัดที่มีระยะการวัดที่กว้างขึ้น เช่น 150 มม. หรือ 300 มม. นอกจากนี้ ควรเลือกดีไซน์ที่จับถนัดมือ และมีปุ่มควบคุมที่ใช้งานง่าย

การเลือกที่วัดดิจิทัลที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยให้การวัดมีความแม่นยำขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย หากคุณต้องการเครื่องมือที่ใช้งานได้นาน ทนทาน และตอบโจทย์การทำงานของคุณ ควรพิจารณาคุณสมบัติต่างๆ เหล่านี้ก่อนตัดสินใจซื้อ

ที่วัดดิจิทัลที่ดีที่สุดที่คุณควรพิจารณา

ลิสต์ที่วัดดิจิทัลที่ดีที่สุดในตลาด ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

หากคุณกำลังมองหาที่วัดดิจิทัลคุณภาพสูงที่สามารถใช้งานได้อย่างแม่นยำ ทนทาน และมีฟังก์ชันที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการวัด เราได้รวบรวมที่วัดดิจิทัลที่ดีที่สุดในตลาดที่ได้รับความนิยมและการยอมรับจากผู้ใช้จริง มาให้คุณได้พิจารณา

1. Mitutoyo 500-196-30 Digital Caliper – ที่วัดระดับมืออาชีพ

จุดเด่น: ✅ ความแม่นยำสูงสุด ±0.01 มม. ✅ ผลิตจากสแตนเลสคุณภาพสูง ทนทานต่อการใช้งานระยะยาว ✅ หน้าจอ LCD คมชัด อ่านค่าได้ง่าย ✅ ระบบ Advanced Onsite Sensor (AOS) ช่วยป้องกันฝุ่นและของเหลว ✅ ปรับหน่วยการวัดได้ทั้ง นิ้วและมิลลิเมตร

Mitutoyo เป็นแบรนด์ชั้นนำจากญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องมือวัดที่มีความแม่นยำสูง รุ่น 500-196-30 เป็นหนึ่งในที่วัดดิจิทัลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตลาด ไม่ว่าจะเป็นช่างมืออาชีพ วิศวกร หรือช่างไม้ ก็ไว้วางใจในคุณภาพของเครื่องมือนี้ ด้วยความแม่นยำที่เหนือกว่ารุ่นทั่วไป และระบบเซ็นเซอร์ที่ช่วยให้ใช้งานได้ดีแม้ในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นหรือน้ำมัน

2. Starrett 798A-6/150 Digital Caliper – ความแม่นยำระดับอุตสาหกรรม

จุดเด่น: ✅ ความแม่นยำ ±0.01 มม. ✅ กันน้ำและกันฝุ่นมาตรฐาน IP67 ✅ วัสดุแข็งแรง ทนต่อแรงกระแทก ✅ ปรับหน่วยวัดได้ทั้ง นิ้วและมิลลิเมตร ✅ แบตเตอรี่ใช้งานได้นานกว่ารุ่นทั่วไป

Starrett เป็นแบรนด์อเมริกันที่ได้รับความไว้วางใจในวงการอุตสาหกรรม รุ่น 798A-6/150 เป็นที่วัดดิจิทัลที่ออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือฝุ่นละอองสูง ด้วยมาตรฐานกันน้ำ IP67 ทำให้ใช้งานได้ทั้งในโรงงานและไซต์งานกลางแจ้ง นอกจากนี้ วัสดุของตัวเครื่องยังแข็งแรงเป็นพิเศษ ทนทานต่อแรงกระแทกและการใช้งานหนัก

3. Fowler 54-100-440-0 Digital Caliper – อ่านค่าง่าย ใช้งานสะดวก

จุดเด่น: ✅ หน้าจอ LCD ขนาดใหญ่ อ่านค่าชัดเจน ✅ ความแม่นยำ ±0.01 มม. ✅ ปรับหน่วยวัดได้ทั้ง นิ้วและมิลลิเมตร ✅ โครงสร้างแข็งแรง รองรับการใช้งานต่อเนื่อง ✅ ราคาย่อมเยา คุ้มค่ากับคุณภาพ

Fowler เป็นแบรนด์เครื่องมือวัดที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มช่างและโรงงานอุตสาหกรรม รุ่น 54-100-440-0 มีจุดเด่นที่หน้าจอ LCD ขนาดใหญ่ ทำให้อ่านค่าตัวเลขได้อย่างง่ายดาย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องใช้งานในที่ที่มีแสงน้อย นอกจากนี้ วัสดุของตัวเครื่องยังทนทานต่อการใช้งานหนัก แต่ยังคงมีราคาที่ไม่สูงเกินไป

4. iGaging 100-702 Digital Caliper – คุ้มค่าราคาประหยัด

จุดเด่น: ✅ ความแม่นยำ ±0.01 มม. ✅ รองรับการบันทึกค่าการวัด ✅ ปรับหน่วยวัดได้ทั้ง นิ้ว มิลลิเมตร และเศษส่วน ✅ แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน ✅ ราคาคุ้มค่า เหมาะสำหรับงาน DIY

iGaging เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการที่วัดดิจิทัลที่มีฟังก์ชันครบครันในราคาที่ย่อมเยา รุ่น 100-702 มาพร้อมความสามารถในการบันทึกค่าการวัด และยังสามารถแสดงผลเป็นเศษส่วนได้ (Fraction Mode) ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากสำหรับงานไม้และงานช่างที่ต้องการความแม่นยำระดับสูง

5. Neiko 01407A Digital Caliper – ราคาถูก แต่คุณภาพเกินคุ้ม

จุดเด่น: ✅ ความแม่นยำ ±0.02 มม. ✅ ปรับหน่วยวัดได้ทั้ง นิ้ว มิลลิเมตร และเศษส่วน ✅ หน้าจอ LCD ขนาดใหญ่ ✅ โครงสร้างทำจาก สแตนเลส แข็งแรง ✅ เหมาะสำหรับงานทั่วไปและงาน DIY

Neiko 01407A เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการที่วัดดิจิทัลในราคาที่จับต้องได้ แต่ยังคงความแม่นยำระดับสูง รองรับการใช้งานได้หลายประเภท ตั้งแต่งานไม้ งานโลหะ งานช่างทั่วไป ไปจนถึงการใช้ในงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ แม้ว่าความแม่นยำจะอยู่ที่ ±0.02 มม. ซึ่งต่ำกว่ารุ่นราคาแพง แต่ก็เพียงพอสำหรับงานส่วนใหญ่

ตารางเปรียบเทียบที่วัดดิจิทัลที่ดีที่สุดในตลาด

สรุป

การเลือกที่วัดดิจิทัลที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ หากคุณต้องการ ความแม่นยำสูงสุดและคุณภาพระดับมืออาชีพ Mitutoyo และ Starrett คือตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่หากคุณต้องการตัวเลือกที่คุ้มค่าในราคาย่อมเยา iGaging และ Neiko เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม

ไม่ว่าคุณจะเลือกแบบไหน อย่าลืมพิจารณาความแม่นยำ ฟังก์ชันการใช้งาน และวัสดุที่ใช้ เพื่อให้ได้ที่วัดดิจิทัลที่เหมาะสมกับงานของคุณที่สุด

เพื่อพัฒนาทักษะงานไม้ของคุณ ลองใช้ เครื่องมือตรวจสอบมุมประเภทต่างๆ ที่ช่วยให้การวางแบบและการวัดมีความแม่นยำมากขึ้น

การดูแลรักษาที่วัดดิจิทัลให้อยู่ในสภาพดี

วิธีดูแลรักษาที่วัดดิจิทัลให้อายุการใช้งานยาวนาน

การดูแลรักษาที่วัดดิจิทัลให้สามารถใช้งานได้อย่างแม่นยำและยาวนานไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้อย่างเคร่งครัด

1. ทำความสะอาดหลังใช้งานเสมอ

หลังจากใช้งานที่วัดดิจิทัล ควรเช็ดทำความสะอาดทุกครั้งเพื่อป้องกันฝุ่น คราบน้ำมัน หรือเศษโลหะที่อาจสะสมและส่งผลต่อความแม่นยำของอุปกรณ์ ใช้ผ้านุ่มหรือสำลีเช็ดพื้นผิวให้สะอาด หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีแรง ๆ ที่อาจทำลายวัสดุของที่วัด

2. เก็บในที่แห้ง ห่างจากความชื้น

ความชื้นเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้ที่วัดดิจิทัลเกิดสนิมหรือเสียหายได้ ควรเก็บในกล่องหรือซองกันชื้น และหลีกเลี่ยงการวางไว้ในที่อับชื้น เช่น ใกล้ก๊อกน้ำหรือในโรงงานที่มีไอน้ำสูง หากที่วัดของคุณมีสารกันความชื้นหรือกล่องเก็บที่มาพร้อมกับตัวอุปกรณ์ ควรใช้สิ่งเหล่านี้ช่วยป้องกัน

3. หลีกเลี่ยงการกระแทกหรือตกหล่น

แม้ว่าที่วัดดิจิทัลส่วนใหญ่จะถูกออกแบบให้แข็งแรง แต่การตกหล่นหรือกระแทกแรง ๆ อาจทำให้เซ็นเซอร์วัดค่าคลาดเคลื่อนได้ ควรใช้งานด้วยความระมัดระวังและเก็บในที่ปลอดภัยเมื่อไม่ใช้งาน

4. เปลี่ยนแบตเตอรี่เมื่อเริ่มหมด

หากหน้าจอเริ่มแสดงค่าลำบาก หรือความสว่างลดลง ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ทันที ที่วัดดิจิทัลบางรุ่นอาจมีระบบแจ้งเตือนเมื่อแบตเตอรี่อ่อน ซึ่งช่วยให้คุณเปลี่ยนได้ทันท่วงทีเพื่อป้องกันข้อผิดพลาดในการวัด

5. หลีกเลี่ยงการใช้ในอุณหภูมิที่สูงหรือต่ำเกินไป

อุณหภูมิที่ร้อนจัดหรือเย็นจัดสามารถส่งผลต่อความแม่นยำของเซ็นเซอร์ที่วัดดิจิทัล ควรใช้งานที่อุณหภูมิห้องปกติ และหากจำเป็นต้องใช้ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างมาก ควรตรวจสอบความแม่นยำของเครื่องมือก่อนการใช้งาน

6. ตรวจสอบและสอบเทียบ (Calibration) เป็นระยะ

การใช้ที่วัดดิจิทัลไปนาน ๆ อาจทำให้ค่าการวัดคลาดเคลื่อน การสอบเทียบเป็นระยะ ๆ ช่วยให้แน่ใจว่าค่าที่วัดได้ยังคงแม่นยำ โดยอาจใช้บล็อกมาตรฐานหรือเครื่องมือสอบเทียบเฉพาะทางเพื่อตรวจสอบ

การดูแลที่วัดดิจิทัลอย่างถูกต้องไม่เพียงแต่ช่วยให้เครื่องมือมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น แต่ยังช่วยให้คุณได้ผลการวัดที่แม่นยำและเชื่อถือได้ทุกครั้งที่ใช้งาน

สรุป: ที่วัดดิจิทัลเครื่องมือที่ต้องมีสำหรับงานทุกประเภท

ที่วัดดิจิทัลเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับช่างไม้ ช่างโลหะ วิศวกร นักออกแบบ และผู้ที่ทำงาน DIY เพราะช่วยให้สามารถวัดขนาดได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วกว่าเครื่องมือวัดแบบอนาล็อก ด้วยความสามารถในการอ่านค่าที่ละเอียดถึง 0.01 มม. หรือ 0.0005 นิ้ว ทำให้เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความละเอียดสูง อีกทั้งยังมาพร้อมหน้าจอ LCD ที่ช่วยให้การอ่านค่าชัดเจนและลดโอกาสเกิดความผิดพลาดในการแปลค่าสเกล การใช้งานที่ง่ายดายเพียงแค่กดปุ่มเพื่อเปลี่ยนหน่วยการวัดหรือรีเซ็ตค่าให้เป็นศูนย์ ทำให้สามารถวัดซ้ำได้โดยไม่ต้องคำนวณเอง ที่วัดดิจิทัลสามารถนำไปใช้ได้กับงานที่หลากหลาย เช่น งานไม้ที่ต้องการการตัดที่แม่นยำ งานโลหะที่ต้องการการวัดละเอียดสำหรับชิ้นส่วนเครื่องจักร หรือแม้แต่งานอิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องใช้ความแม่นยำระดับสูง ในการเลือกซื้อที่วัดดิจิทัล ควรพิจารณาความแม่นยำและช่วงการวัดที่เหมาะสม เช่น รุ่นที่สามารถวัดได้ตั้งแต่ 0-150 มม. หรือ 0-200 มม. รวมถึงวัสดุที่ใช้ผลิตซึ่งควรเป็นสแตนเลสสตีลหรืออลูมิเนียมคุณภาพสูงเพื่อป้องกันสนิมและความเสียหาย ที่วัดบางรุ่นมาพร้อมฟังก์ชั่นพิเศษ เช่น การบันทึกค่าการวัด การเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่าน USB หรือระบบปิดอัตโนมัติ ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน สำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องมือวัดที่มีประสิทธิภาพและใช้งานได้ยาวนาน ควรเลือกที่วัดดิจิทัลจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้และมีมาตรฐานสูง เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องมือสามารถทำงานได้อย่างแม่นยำและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

1. ที่วัดดิจิทัลราคาถูกมีคุณภาพดีไหม?บางรุ่นที่มีราคาถูกก็สามารถให้ความแม่นยำและทนทานได้ แต่ถ้าคุณต้องการความแม่นยำสูงในงานวิศวกรรมหรือช่างมืออาชีพ ควรเลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียง

2. สามารถใช้ที่วัดดิจิทัลในสภาพแวดล้อมที่ชื้นได้หรือไม่?ไม่แนะนำให้ใช้ในสภาพแวดล้อมที่ชื้น เนื่องจากจะทำให้เกิดการเสียหายจากสนิม

3. มีที่วัดดิจิทัลที่สามารถวัดลึกได้ไหม?บางรุ่นมีฟังก์ชั่นการวัดลึก (Depth measurement) โดยเฉพาะ ทำให้สะดวกในการวัดความลึกของช่องหรือรู

4. ควรเก็บที่วัดดิจิทัลในที่ไหน?ควรเก็บในที่แห้งและปลอดภัยจากความชื้น เพื่อป้องกันความเสียหายจากการเกิดสนิม

5. ที่วัดดิจิทัลมีฟังก์ชั่นการปรับหน่วยการวัดได้หรือไม่?ใช่ หลายรุ่นสามารถปรับหน่วยการวัดได้ทั้งมิลลิเมตรและนิ้ว